สรุปแนวคิดหลักจากหนังสือ Be Obsessed or Be Average โดย Grant Cardone มีดังนี้:
💡 1. ความหลงใหล (Obsession) คือพลังขับเคลื่อน
-
คนส่วนใหญ่ถูกสอนให้ใช้ชีวิตแบบสมดุลและปลอดภัย แต่ชีวิตที่ยอดเยี่ยมต้องการ ความหมกมุ่น (obsession) กับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
-
แทนที่จะพักเมื่อเหนื่อย ให้กลับไปทบทวนจุดมุ่งหมายดั้งเดิมเพื่อเรียกพลังกลับคืนมา
-
ความสมดุลที่แท้จริงคือการมีสุขภาพดี มีเงิน มีครอบครัวที่ดี และมีศรัทธา — ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้ความมุ่งมั่นแบบหมกมุ่น
🚀 2. อย่าหยุดเมื่อถึงเป้าหมายแรก
-
ความสำเร็จไม่ใช่เส้นชัยเดียว แต่เป็น ชุดของเป้าหมาย ที่ท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ
-
ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนเริ่มจากการครอบครองอพาร์ตเมนต์ 100 ห้อง → 500 ห้อง → 4,500 ห้อง
-
เป้าหมายควรใหญ่เกินความเป็นไปได้ เพื่อผลักดันตัวเองให้ “หา” วิธีทำให้สำเร็จ
🧠 3. ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือ
-
Fear of failure และ fear of rejection เป็นสิ่งที่ทุกคนมี แต่คนที่กล้าจะ “ล้มเหลว” จะไปได้ไกลกว่า
-
J.K. Rowling ถูกปฏิเสธ 12 ครั้งก่อนที่ Harry Potter จะถูกตีพิมพ์
-
หากไม่รู้สึกกลัว แปลว่าเราอาจกำลังอยู่ในบ่อที่เล็กเกินไป
📈 4. ขยาย เติบโต และใช้เงินเพื่อสร้างเงิน
-
อย่าหวงเงิน — เงินที่ไม่ได้ใช้ = ไร้ค่า
-
นำกำไร 30–40% ไปลงทุนขยายกิจการ หรือใช้กับการตลาด การสร้างชื่อเสียง
-
การใช้เงินแบบนี้ยังได้เปรียบทางภาษี เพราะการลงทุนมักไม่ถูกเก็บภาษีเท่ากับกำไรที่ถือไว้
💬 5. มี haters = คุณกำลังไปถูกทาง
-
ถ้าคุณมี haters แปลว่าคุณ “ใหญ่พอ” ที่จะมีคนใส่ใจวิจารณ์
-
Haters สามารถกลายเป็นแรงผลักดันให้คุณทำได้ดียิ่งขึ้น และสร้างภาพลักษณ์ที่คนจดจำ
👥 6. จงสร้างทีมที่หมกมุ่นเหมือนคุณ
-
การทำธุรกิจลำพัง = รายได้เฉลี่ยแค่ ~$44,000 ต่อปี
-
การเติบโตที่แท้จริงต้องมาพร้อมทีมงานที่มีคุณภาพ และวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจผลงาน
-
เป็นผู้นำที่ “ควบคุมบทสนทนา” ฟัง โทรศัพท์ ตรวจสอบ และให้ feedback อย่างสม่ำเสมอ
-
ไม่ลังเลที่จะ “ปลด” คนที่ไม่ตรงเป้าหมายและแทนที่ด้วยคนที่ใช่
📌 สรุปสุดท้าย
ความหลงใหลในระดับสุดขีด (Obsession) คือหัวใจของความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจ
คนธรรมดา “พัก” เมื่อเหนื่อย แต่คนที่หมกมุ่นจะ ลุกขึ้นใหม่ด้วยพลังแห่งเป้าหมาย
หากคุณต้องการชีวิตที่ไม่ธรรมดา ก็ต้องไม่ใช้วิธีธรรมดา
Be Obsessed or Be Average.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น