นี่คือ สรุปของหนังสือเกี่ยวกับ StoryBrand Framework ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารแบรนด์ของตนอย่างชัดเจนโดยใช้พลังของ “เรื่องเล่า”:
💡 แนวคิดหลัก
เรื่องเล่ามีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก และการตัดสินใจของมนุษย์ การตลาดที่ใช้โครงสร้างเรื่องเล่าจะดึงดูดและตราตรึงลูกค้าได้ดีกว่าข้อความโฆษณาธรรมดา
🧭 Framework: StoryBrand 7-Part Framework (SB7)
1. Character (ลูกค้าเป็นพระเอก)
-
แบรนด์ไม่ใช่พระเอกของเรื่อง ลูกค้าเท่านั้นคือผู้ที่กำลังเดินทางหาทางแก้ปัญหา
-
ลูกค้าอยากรู้ว่าคุณจะช่วยเขาอย่างไร ไม่ใช่คุณเก่งแค่ไหน
2. Problem (สร้าง "วายร้าย")
-
ระบุปัญหาที่ลูกค้าต้องเผชิญ ทั้งภายนอก (external), ภายใน (internal), และปรัชญา (philosophical)
-
เปลี่ยนปัญหาให้เป็น “วายร้าย” และเสนอว่าคุณจะเป็นผู้ช่วยกำจัดมันได้
3. Guide (แบรนด์คือผู้แนะนำ ไม่ใช่ฮีโร่)
-
สื่อสารด้วย Empathy (เข้าใจลูกค้า) + Authority (มีความสามารถจริง)
-
ตัวอย่างเช่น แสดงรีวิว, จำนวนผู้ใช้, หรือรางวัลที่ได้รับ
4. Plan (วางแผนให้ชัดเจน)
-
สร้าง “ก้อนหินข้ามลำธาร” เช่น
-
Process Plan: ขั้นตอนการใช้หรือซื้อผลิตภัณฑ์
-
Agreement Plan: ลดความกลัว เช่น รับประกันคืนเงิน
-
5. Call to Action (กระตุ้นให้ลงมือทำ)
-
Direct: เช่น “ซื้อเลย”, “สมัครตอนนี้”
-
Transitional: เช่น ดาวน์โหลดฟรี, เว็บบินาร์ ฯลฯ เพื่อรักษาความสัมพันธ์
6. Failure (ชี้ให้เห็นความล้มเหลวหากไม่ซื้อ)
-
คนกลัว “ขาดทุน” มากกว่ารู้สึกดีจาก “ได้กำไร”
-
สื่อสารผลเสียที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความเสี่ยง, ความอับอาย, การเสียโอกาส
7. Success (พาไปสู่ตอนจบที่ดี)
สร้างวิสัยทัศน์ของ “ตอนจบที่ดี” ซึ่งมีได้หลายแบบ:
-
✅ Status: ทำให้ลูกค้าดูดี มีภาพลักษณ์ดีขึ้น
-
✅ Completeness: ชีวิตสมบูรณ์มากขึ้น
-
✅ Self-acceptance & Potential: ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีกับตัวเอง เช่น ใช้ภาพจริงแทนการแต่งภาพ
🧠 หัวใจของการตลาดด้วยเรื่องเล่า
-
ลูกค้าจะสนใจแบรนด์ที่ เข้าใจปัญหาของเขา, แนะนำวิธีแก้, และ ทำให้เขาประสบความสำเร็จ
-
ยิ่งโครงเรื่องของแบรนด์สอดคล้องกับเส้นทางของ “ฮีโร่” ยิ่งมีโอกาสตราตรึงในใจลูกค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น