วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Building a StoryBrand


 

นี่คือ สรุปของหนังสือเกี่ยวกับ StoryBrand Framework ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารแบรนด์ของตนอย่างชัดเจนโดยใช้พลังของ “เรื่องเล่า”:


💡 แนวคิดหลัก

เรื่องเล่ามีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก และการตัดสินใจของมนุษย์ การตลาดที่ใช้โครงสร้างเรื่องเล่าจะดึงดูดและตราตรึงลูกค้าได้ดีกว่าข้อความโฆษณาธรรมดา


🧭 Framework: StoryBrand 7-Part Framework (SB7)

1. Character (ลูกค้าเป็นพระเอก)

  • แบรนด์ไม่ใช่พระเอกของเรื่อง ลูกค้าเท่านั้นคือผู้ที่กำลังเดินทางหาทางแก้ปัญหา

  • ลูกค้าอยากรู้ว่าคุณจะช่วยเขาอย่างไร ไม่ใช่คุณเก่งแค่ไหน

2. Problem (สร้าง "วายร้าย")

  • ระบุปัญหาที่ลูกค้าต้องเผชิญ ทั้งภายนอก (external), ภายใน (internal), และปรัชญา (philosophical)

  • เปลี่ยนปัญหาให้เป็น “วายร้าย” และเสนอว่าคุณจะเป็นผู้ช่วยกำจัดมันได้

3. Guide (แบรนด์คือผู้แนะนำ ไม่ใช่ฮีโร่)

  • สื่อสารด้วย Empathy (เข้าใจลูกค้า) + Authority (มีความสามารถจริง)

  • ตัวอย่างเช่น แสดงรีวิว, จำนวนผู้ใช้, หรือรางวัลที่ได้รับ

4. Plan (วางแผนให้ชัดเจน)

  • สร้าง “ก้อนหินข้ามลำธาร” เช่น

    • Process Plan: ขั้นตอนการใช้หรือซื้อผลิตภัณฑ์

    • Agreement Plan: ลดความกลัว เช่น รับประกันคืนเงิน

5. Call to Action (กระตุ้นให้ลงมือทำ)

  • Direct: เช่น “ซื้อเลย”, “สมัครตอนนี้”

  • Transitional: เช่น ดาวน์โหลดฟรี, เว็บบินาร์ ฯลฯ เพื่อรักษาความสัมพันธ์

6. Failure (ชี้ให้เห็นความล้มเหลวหากไม่ซื้อ)

  • คนกลัว “ขาดทุน” มากกว่ารู้สึกดีจาก “ได้กำไร”

  • สื่อสารผลเสียที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความเสี่ยง, ความอับอาย, การเสียโอกาส

7. Success (พาไปสู่ตอนจบที่ดี)

สร้างวิสัยทัศน์ของ “ตอนจบที่ดี” ซึ่งมีได้หลายแบบ:

  • Status: ทำให้ลูกค้าดูดี มีภาพลักษณ์ดีขึ้น

  • Completeness: ชีวิตสมบูรณ์มากขึ้น

  • Self-acceptance & Potential: ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีกับตัวเอง เช่น ใช้ภาพจริงแทนการแต่งภาพ


🧠 หัวใจของการตลาดด้วยเรื่องเล่า

  • ลูกค้าจะสนใจแบรนด์ที่ เข้าใจปัญหาของเขา, แนะนำวิธีแก้, และ ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

  • ยิ่งโครงเรื่องของแบรนด์สอดคล้องกับเส้นทางของ “ฮีโร่” ยิ่งมีโอกาสตราตรึงในใจลูกค้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น