สรุปเนื้อหาอย่างกระชับและเป็นระบบ ของเรื่อง Delay, Deny, Defend:
📝 ใจความสำคัญ
หนังสือ Delay, Deny, Defend ของ Jay Feinman อธิบายว่าระบบประกันภัยในอเมริกากลายจากการให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนเป็น “เครื่องจักรทำกำไร” โดยใช้กลยุทธ์ล่าช้า (delay), ปฏิเสธ (deny) และสู้คดี (defend) เพื่อจ่ายให้น้อยที่สุดหรือไม่จ่ายเลย แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ผู้เอาประกันต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด เช่น หลังภัยพิบัติใหญ่ Hurricane Katrina
🔎 วิวัฒนาการของกลยุทธ์
-
เดิมที: ผู้ประเมินค่าสินไหมเน้นการจ่ายตามเงื่อนไขกรมธรรม์
-
ยุค 1990s: หลังจากวิกฤตการเงิน (Hurricane Andrew, Northridge earthquake) บริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company แนะนำบริษัทประกันให้มอง “การจ่ายค่าสินไหม” ว่าเป็น leakage (เงินที่สูญเสียโดยไม่จำเป็น)
-
กลยุทธ์นี้มุ่งลดการจ่ายออกโดยมองทุกการเคลมว่าเป็นโอกาสในการ ประหยัด ไม่ใช่ช่วยเหลือ
💥 ตัวอย่างกลยุทธ์ Delay, Deny, Defend
-
MIST (Minor Impact, Soft Tissue) claims: กลุ่มเคลมที่บริษัทประกันมองว่า “นิ่ม” เช่น อาการเจ็บคอ/เจ็บหลังจากอุบัติเหตุรถยนต์ เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน (เช่น กระดูกหัก)
-
บริษัทประกันทำ ข้อเสนอที่ต่ำมากจนไม่สมเหตุสมผล หรือสร้างต้นทุนต่อสู้คดีสูงเพื่อให้ผู้เรียกร้องยอมแพ้
"มีกลยุทธ์ที่ระบุไว้ในคู่มือฝึกอบรมของบริษัท เริ่มจาก 1) ดูว่ามีการฉ้อโกงหรือไม่ 2) ยื่นข้อเสนอต่ำหรือไม่ยื่นข้อเสนอเลย 3) หากโจทก์ไม่ยอมแพ้ จะส่งข้อความไปยังทนายความของโจทก์ว่าพวกเขาจะปกป้องการตัดสินใจของตนจนถึงที่สุด 4) หากโจทก์ยังคงตัดสินใจต่อสู้ จะทำการสู้กลับ เช่น ดูบันทึกการจ้างงาน หรือ ใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวกลศาสตร์ 5) หากไม่สำเร็จ พวกเขาจะพยายามขู่ทนายความของโจทก์ด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดำเนินคดี โดยชี้ให้เห็นชัดเจนว่าการแพ้คดีหมายถึงหายนะทางการเงิน"
-
เช่น กรณี Tammi Drannan ที่ท้อง 6 เดือนแต่ถูกเสนอค่าชดเชยแค่ $51
-
-
Hurricane Katrina: บริษัทประกันใช้ข้อยกเว้นแบบซับซ้อน เช่น
-
Flood exclusion (ไม่คุ้มครองความเสียหายจากน้ำ)
-
Anti-concurrent causation clause (หากความเสียหายเกิดจากหลายปัจจัยพร้อมกัน เช่น ลมและน้ำ จะไม่จ่ายทั้งหมด)
-
Wind-water protocol (หากบ้านหายไปทั้งหมด อ้างว่าไม่สามารถแยกได้ว่าเสียหายจากลมหรือน้ำ จึงไม่จ่าย)
-
ผลลัพธ์: ผู้ถือกรมธรรม์จำนวนมาก ไม่ได้รับเงินชดเชยแม้จะจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่บริษัทประกันทำ กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีเดียวกัน
🚨 ปัญหาโครงสร้าง
-
ความล่าช้าและการปฏิเสธ ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็น กลยุทธ์เชิงระบบ ที่สร้างผลกำไรโดยตรง
-
ช่องโหว่ทางกฎหมายและการกำกับดูแล:
-
ข้อมูลประสิทธิภาพของบริษัทประกันถูกเก็บเป็นความลับ
-
ผู้กำกับดูแลมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมประกันภัยเอง (revolving door)
-
🔧 ทางออกที่ผู้เขียนเสนอ
📢 Collective action
-
ผลักดันให้รัฐเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น
-
ความเร็วในการจ่ายเคลม
-
อัตราการปฏิเสธเคลม
-
จำนวนคดีที่ผู้เอาประกันต้องฟ้องร้องบริษัท
-
🛡️ Individual action
-
เอกสารทุกอย่าง ต้องเก็บหลักฐาน: อีเมล บันทึกการโทร เอกสารการประเมินราคาจากแหล่งอิสระ สิ่งที่มีแค่คำพูดไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้
-
ถ้าเจอข้อเสนอไม่เป็นธรรม:
-
ปีนลำดับขั้นการบริหาร (escalate)
-
จ้างทนายหรือ public adjuster ในกรณีใหญ่
-
เข้าใจว่า adjuster เป็นส่วนหนึ่งของ ระบบกำไร ไม่ใช่ฝ่ายช่วยเหลือ
-
🌟 ข้อคิดหลัก
ระบบ “Delay, Deny, Defend” เป็น “ทางเลือก” ของบริษัทประกัน ซึ่งสังคมสามารถเปลี่ยนแปลงได้
เพื่อให้ประกันภัยกลับมาเป็น หลักประกันความมั่นคงให้ประชาชน ไม่ใช่เครื่องมือทำกำไรที่เอาเปรียบผู้เอาประกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น