วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

The Divided Self


 

สรุปแนวคิดของ R. D. Laing เกี่ยวกับความผิดปกติทางจิต (Ontological Insecurity)


🔍 1. โลกภายในที่แตกแยก: เมื่อคนหนึ่งรู้สึกว่า “ตนเองไม่ใช่ตัวเอง”

  • R. D. Laing อธิบายผู้ป่วยบางรายว่ามีประสบการณ์คล้าย “ถูกขังในร่างกายของตนเอง”

  • รู้สึกเหมือนไม่ได้ควบคุมการกระทำของตัวเอง → มี “ตัวปลอม” (false self) ทำหน้าที่แทน


👶 2. ตัวตนเกิดจากความสัมพันธ์ในวัยเด็ก

  • เด็กแรกเกิดยังไม่มีตัวตน (sense of self) หรือการแยกตนเองออกจากผู้อื่น

  • การพัฒนาตัวตนต้องอาศัยการตอบสนองจากพ่อแม่ เช่น เมื่อลูกร้อง → แม่ตอบสนอง → เด็กรู้ว่า "ฉันมีอยู่"

  • ถ้าเด็กถูกเมิน → ตัวตนไม่พัฒนา → เสี่ยงต่อภาวะ “ontological insecurity” (ความไม่มั่นคงในตัวตน)


⚠️ 3. เด็กที่ “ดีเกินไป” อาจกำลังป่วย

  • เด็กที่ไม่แสดงอารมณ์ ไม่โกหก หรือเชื่อฟังทุกอย่าง อาจไม่ได้เป็นเด็กดี

  • แต่เพราะ:

    • ไม่รู้ว่าความรู้สึกตนเองคืออะไร

    • แยกไม่ออกว่าตนกับผู้อื่นต่างกัน

    • กลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ความคิด → ไม่มีจุดเริ่มต้นของการมี “ตัวตน” ที่แยกออกมา


🧩 4. Ontological Insecurity: ความกลัวระดับลึกถึงการ “ไม่มีอยู่จริง”

  • ผู้ป่วยบางคนไม่มั่นใจว่าตน “มีอยู่จริง” หรือไม่

  • เช่น พูดถึงตัวเองในบุรุษที่สาม หรือรู้สึกเป็นเพียง “เงา”

  • ต้องพึ่งการรับรู้จากผู้อื่นเพื่อยืนยันว่า “ฉันมีอยู่” → แต่ก็กลัวการเชื่อมโยงกับคนอื่น


⛓️ 5. ภาวะกลืนกินทางตัวตน (Engulfment)

  • คนที่มีตัวตนไม่มั่นคง กลัวว่าการใกล้ชิดกับผู้อื่นจะทำให้ตน “หายไป”

  • การถูกเข้าใจมากเกินไป = การสูญเสียขอบเขตระหว่าง “ฉัน” กับ “เขา”

  • แม้แต่ความรักหรือความห่วงใย ก็อาจถูกตีความว่าอีกฝ่ายกำลังครอบครองหรือยึดตัวตนของตนเองไป


🎭 6. การสร้าง “ตัวปลอม” เพื่อเอาตัวรอด

  • คนเหล่านี้มักสร้าง false self ซึ่งแสดงออกอย่างเหมาะสมในสังคม

  • แต่ภายในคือ true self ที่ขัดแย้ง ซ่อนตัว และรู้สึกแปลกแยก

  • ตัวปลอม = เพื่อเอาตัวรอด / ตัวจริง = เก็บไว้ไม่ให้ใครแตะต้อง


🧠 7. ความรู้สึกไม่เป็นเจ้าของร่างกาย

  • บางคนรู้สึกว่า “ร่างกายไม่ใช่ของฉัน”

  • แม้บาดเจ็บก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องของ false self

  • ไม่รู้สึกอะไรโดยตรงจากโลกรอบข้าง → ทุกอย่างผ่านตัวปลอมก่อนเสมอ


🌌 8. ความโดดเดี่ยว = ที่พักพิงของจินตนาการ

  • การแยกจากโลกภายนอกทำให้ ตัวจริง รู้สึก “บริสุทธิ์” ไม่ต้องโกหกใคร

  • จินตนาการ (ว่าตนเก่งพิเศษ, มีพลัง) จึงดูจริงยิ่งกว่าโลกจริง

  • ไม่มีใครโต้แย้ง → ความหลงผิดเติบโตอย่างไร้ขอบเขต


🌀 9. การพังทลาย: จากแยกตัว → สู่โรคจิตเภท

  • เมื่อ false self ดู “จริง” กว่า true self → ตัวจริงเริ่มรู้สึกว่ามีใครบางคนแย่งร่างกายไปใช้

  • นำไปสู่ความเชื่อว่า “มีอีกคนอยู่ในร่าง” หรือ “ฉันเป็นแค่ผู้สังเกต ไม่ใช่เจ้าของชีวิต”

  • ขาดโอกาสเชื่อมโยงกับโลก → ไม่มี feedback มาหักล้างความคิดหลงผิด → โรคจิตเภท


🔑 สาระสำคัญ:

  • โรคทางจิต ไม่ได้เป็นแค่ “สมองผิดปกติ” แต่เกี่ยวข้องลึกถึงระดับ “การมีอยู่” (ontology)

  • ความสัมพันธ์กับผู้อื่นตั้งแต่วัยเด็กคือกุญแจของการสร้างตัวตน

  • คนที่แยกตนเองออกจากโลก อาจดูปกติจากภายนอก แต่ภายในคือความสับสนว่าตนเองมีอยู่จริงหรือไม่


Laing ท้าทายจิตวิทยาแบบดั้งเดิม ด้วยการบอกว่า

“ความบ้าคลั่ง” อาจไม่ใช่โรคที่ต้องรักษา แต่เป็นเสียงร้องของวิญญาณที่ต้องการการเข้าใจอย่างลึกซึ้ง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น