วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Thinking, Fast and Slow



สรุปแนวคิดสำคัญจาก “Thinking, Fast and Slow” ของ Daniel Kahneman:


🔹 สองระบบในใจเรา

  • System 1: ทำงานเร็ว อัตโนมัติ ใช้สัญชาตญาณ (เช่น ตกใจเสียงดัง)

  • System 2: ทำงานช้า มีเหตุผล ใช้ความพยายามในการคิดวิเคราะห์ (เช่น คำนวณ ควบคุมตนเอง)

  • พฤติกรรมของเราคือผลลัพธ์จากปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองระบบนี้


🔹 ความล้าและความขี้เกียจทางจิตใจ

  • เรามักใช้ System 1 เพราะมันง่ายและเร็ว แต่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดง่าย ๆ เช่น ในโจทย์ bat-and-ball problem

  • ความฉลาดเพิ่มขึ้นได้จากการฝึกใช้ System 2 (โฟกัส ควบคุมตนเอง)


🔹 การ priming และอิทธิพลที่มองไม่เห็น

  • สิ่งที่เราสัมผัสก่อนหน้าสามารถกำหนดความคิดและพฤติกรรมได้โดยไม่รู้ตัว เช่น คำว่า "EAT" ทำให้เติม "SO_P" ว่า "SOUP"

  • ตัวอย่างเช่น การได้ยินคำที่เกี่ยวกับ “คนแก่” ทำให้เดินช้าลงโดยไม่รู้ตัว


🔹 การตัดสินใจแบบรวดเร็วที่ผิดพลาด

  • Halo effect: ชอบบางสิ่งในตัวคนหนึ่ง แล้วเหมารวมว่าทุกอย่างในตัวเขาดี

  • Confirmation bias: ชอบหาหลักฐานที่สนับสนุนความคิดเดิม

  • Heuristics: ใช้ทางลัดทางความคิด เช่น ตัดสินผู้สมัครนายอำเภอจากหน้าตา แทนที่จะดูประวัติ


🔹 ความล้มเหลวในการเข้าใจสถิติ

  • เรามักละเลย base rate (เช่น ความน่าจะเป็นพื้นฐาน)

  • ไม่เข้าใจ regression to the mean (ความผันผวนกลับสู่ค่าเฉลี่ย)

  • เช่น คิดว่าหลังจากเห็น taxi สีแดง 5 คันติดกัน คันต่อไปควรจะเป็นสีเหลือง ทั้งที่ความน่าจะเป็นไม่เปลี่ยน


🔹 ความทรงจำที่บิดเบือน

  • Experiencing self: จำเหตุการณ์ขณะเกิดขึ้น

  • Remembering self: จำจากภาพรวมและมักบิดเบือน เช่น peak-end rule (จำสิ่งที่เกิดตอนจบมากเกินไป)


🔹 สถานะจิต: ความง่าย vs ความเครียด

  • Cognitive ease: สบายใจ ใช้ System 1, ทำให้คิดสร้างสรรค์แต่เสี่ยงผิดพลาด

  • Cognitive strain: เครียด ใช้ System 2, คิดละเอียดรอบคอบแต่ช้าลง


🔹 การ framing ส่งผลต่อการตัดสินใจ

  • การนำเสนอข้อมูลแบบต่าง ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมได้ เช่น
    👉 “10% risk” vs “1 ใน 10 จะเป็นแบบนี้” ทำให้คนตัดสินใจต่างกัน


🔹 เราไม่ใช่ผู้ตัดสินใจแบบ “Econs”

  • Utility theory: สมมติว่าเราตัดสินใจแบบเหตุผลล้วน

  • Prospect theory: คนกลัวการสูญเสียมากกว่าการได้กำไร (loss aversion) และการตัดสินใจขึ้นกับ reference point


🔹 ภาพในใจและความมั่นใจเกินเหตุ

  • สมองสร้าง “ภาพในใจ” เพื่อทำความเข้าใจโลก แต่เรามักเชื่อในภาพนั้นมากเกินไปจนละเลยข้อมูลจริง

  • วิธีแก้: ใช้ reference class forecasting (ดูข้อมูลประวัติจริง) และวางแผนเผื่อความเสี่ยง


💡 บทสรุป:
เราตัดสินใจและพฤติกรรมส่วนใหญ่ขึ้นกับ สองระบบในใจ ซึ่ง System 1 ทำงานรวดเร็วแต่เสี่ยงผิดพลาด ขณะที่ System 2 ทำงานช้าแต่แม่นยำกว่า เรามักถูก priming, heuristics และ framing หลอกโดยไม่รู้ตัว และแม้เราจะคิดว่าเราตัดสินใจอย่างมีเหตุผล แต่จริง ๆ แล้ว อารมณ์ ความคาดหวัง และความกลัวการสูญเสีย มีบทบาทมหาศาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น