วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Money in the Twenty-First Century

 


📘 สรุปหนังสือ Blink: The Future of Money (Money Is Changing)


🔑 แนวคิดหลัก:

เงินกำลังเปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้ง — จากสิ่งที่เคยจับต้องได้ กลายเป็นระบบดิจิทัลที่ควบคุมโดยอัลกอริทึม แอป และโครงข่ายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลแบบดั้งเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจาก 3 แรงขับเคลื่อนสำคัญที่เริ่มในปี 2008


🧭 จุดเริ่มต้น: ปี 2008 และ 3 การเปลี่ยนแปลงสำคัญ

  1. อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดิน – กลายเป็น “new normal” ทั่วโลก

  2. สมาร์ตโฟนแพร่หลาย – เปลี่ยนโทรศัพท์ให้เป็น “กระเป๋าสตางค์”

  3. การถือกำเนิดของ Bitcoin – เงินดิจิทัลที่ไม่ต้องพึ่งรัฐหรือธนาคารกลาง


💳 เงินกำลังเป็นดิจิทัล (และหายไปจากกระเป๋า)

  • สวีเดนใช้เงินสดลดจาก 40% เหลือ 9% ในทศวรรษเดียว

  • ประเทศอย่างออสเตรเลียมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมสำหรับสังคมไร้เงินสด

  • แต่การเปลี่ยนเร็วเกินไปอาจทำให้ คนจน-คนสูงวัย ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง (เช่น กรณี demonetization ของอินเดียในปี 2016)


📱 โทรศัพท์มือถือ: ธนาคารแห่งศตวรรษที่ 21

  • ในประเทศกำลังพัฒนา โทรศัพท์มือถือคือเครื่องมือสำคัญของ “การเข้าถึงระบบการเงิน”

  • ตัวอย่างจากเคนยาและอัฟกานิสถาน แสดงให้เห็นว่าเงินดิจิทัลช่วยลดความยากจนและการทุจริต

  • ระบบการเงินแบบเดิม (ธนาคารกลาง-ธนาคารพาณิชย์) กำลังถูกแทนที่บางส่วนด้วยแอปและโค้ด


🪙 การปฏิวัติของสกุลเงินดิจิทัลส่วนตัว

  • Bitcoin & Ethereum ใช้ blockchain สร้างความน่าเชื่อถือโดยไม่ต้องใช้สถาบันกลาง

  • Ethereum เพิ่มความสามารถด้วย smart contracts → จุดเริ่มของ DeFi, NFT และ Web3

  • ปัญหา: เครือข่ายมีแนวโน้มกลายเป็น การผูกขาดแบบใหม่ (Network effect)


🏛️ Govcoin: การตอบโต้ของรัฐต่อเงินดิจิทัล

  • ธนาคารกลาง เริ่มพัฒนา Central Bank Digital Currencies (CBDCs) เช่น Fedcoin (สหรัฐฯ), e-CNY (จีน)

  • จุดเด่น: ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ, ไม่ต้องใช้พลังงานเหมือน crypto, เสถียร

  • ความท้าทาย: ดุลยภาพระหว่าง ความเป็นส่วนตัว – การควบคุมโดยรัฐ และ การรวมเข้ากับระบบเดิม


🌐 สงครามค่าเงินในยุคดิจิทัล

  • ดอลลาร์สหรัฐฯ เคยมีอำนาจสูงสุดในโลกการเงิน (exorbitant privilege)

  • จีนกำลังใช้ e-CNY และโครงสร้างโอนเงินนอก SWIFT ท้าทายอำนาจดอลลาร์

  • การชะลอตัวของสหรัฐในการพัฒนา digital dollar อาจเปิดช่องให้บริษัทเอกชนหรือรัฐบาลอื่นแทรกตัวเข้ามาแทน


📉 ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังไม่หาย

  • ดอกเบี้ยต่ำ = เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง เกิดฟองสบู่ซ้ำซาก

  • เทคโนโลยีทำให้ธุรกิจเติบโตได้โดยไม่ต้องใช้ทุนเยอะ

  • ประชากรสูงวัย และความเหลื่อมล้ำ → เงินออมล้นโลก แต่การลงทุนไม่เพียงพอ

  • บางฝ่ายเสนอให้รัฐ "พิมพ์เงินได้ไม่จำกัด" แต่ประวัติศาสตร์สอนว่า วินัยทางการคลังยังสำคัญ


🧭 สรุปส่งท้าย: โลกใหม่ของเงิน

สิ่งเดิม สิ่งใหม่
เงินสด เงินดิจิทัลในแอป
ธนาคาร โทรศัพท์มือถือ
ดอกเบี้ยสูง เงินต้นทุนต่ำ
การควบคุมโดยรัฐ การแข่งขันจากเอกชน & โค้ด
เงินแบบรวมศูนย์ เงินแบบกระจายศูนย์ (decentralized)

อนาคตของเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหรียญหรือธนบัตร แต่ขึ้นอยู่กับโค้ด เครือข่าย และผู้ที่ควบคุมมัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น